ดร. พยอม วงศ์สารศรี
ใช้สำหรับปฏิเสธบุคคลที่มีร่างกายไม่เหมาะสมกับงาน ข. เพื่อได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติทางสุขภาพร่างกายในขณะว่าจ้าง ที่จะเอาไว้ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการดำเนินการด้านการจ่ายทดแทนต่าง ๆ ในกรณีที่มีอุบัติเหตุและกรณีที่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย ค. เพื่อป้องกันมิให้มีข้อผิดพลาดในการรับบุคคลที่เป็นโรคติดต่อที่ต้องห้าม ง. เพื่อใช้สำหรับการพิจารณาจ้างบุคคลที่อาจจะไม่เหมาะสมกับงานหนึ่ง (เพราะเหตุด้านร่างกาย) แต่อาจจะเหมาะสมกับงานอื่น ๆ ที่เหตุบางอย่างอาจไม่เป็นอุปสรรค การบรรจุ ภายหลังจากที่ได้บุคคลที่สามารถผ่านทุกขั้นตอนของกระบวนการคัดเลือกแล้ว จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของการบรรจุซึ่งจะมีการส่งมอบโดยให้ไปรายงานตัวกับหัวหน้างานในแผนกที่รับเข้า ซึ่งการมีวิธีการให้รายงานอย่างถูกต้อง โดยมีการส่งรายละเอียดประวัติข้อมูล ตลอดจนผลการคัดเลือกตามวิธีการต่าง ๆ ให้ด้วย ก็จะช่วยให้หัวหน้างานได้เข้าใจเกี่ยวกับตัวพนักงานใหม่มากยิ่งขึ้น ซึ่งย่อมช่วยให้การสอนงานในระยะเริ่มแรกโดยหัวหน้างานสามารถกระทำได้สะดวกและง่ายขึ้น
การกรอกแบบฟอร์มใบสมัคร ขั้นตอนหลักที่สำคัญของกระบวนการคัดเลือก คือ การให้ผู้สมัครงาน แจ้งรายละเอียดส่วนตัว โดยการกรอกลงในแบบฟอร์มใบสมัคร ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นความจริงและถูกต้องที่สุด ที่ผู้สมัครจะต้องแสดงออกมา พร้อมทั้งมอบหลักฐานเอกสารสำคัญต่างๆ เช่น ใบแสดงวุฒิการศึกษา สำเนาเอกสารทางราชการ หรือเอกสารอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนด 3. การตรวจสอบภูมิหลัง ในบางตำแหน่งที่สำคัญ อาจจำเป็นต้องมีการตรวจสอบภูมิหลังของผู้สมัครก่อน เพื่อป้องกัน ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลอาจจะใช้วิธีการติดต่อสอบถามกลับไปยังสถานที่ทำงานเดิม หรือบุคคลที่ผู้สมัครอ้างอิงถึงในใบสมัคร หรือจากการสัมภาษณ์ เพื่อสอบถามถึงประวัติในการปฏิบัติ งานที่ผ่านมา 4. การทดสอบ ขั้นตอนต่อมาในการคัดเลือกผู้สมัครคือ การทดสอบ ถ้าเราพิจารณาหน่วยงานทั้งหมดแล้วจะพบว่า ส่วนมากจะไม่ใช้ขั้นตอนนี้ เพราะการ ทดสอบเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นองค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น จึงจะมีกำลังความสามารถพอ ที่จะจัดให้มีการสอบคัดเลือกผู้สมัครได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ขององค์กรด้วย ถึงแม้จะเป็นองค์กรขนาดเล็ก แต่ถ้าต้องการคัดคนที่ ความรู้ความสามารถจริง ๆ ก็อาจให้มีการจัดการสอบคัดเลือกก็ได้ 5.