2428 และอธิบายต่อว่า หนังสือนี้พวกขุนนางพม่าชี้แจงว่า พระเจ้าอังวะให้เรียบเรียงจากคำให้การของพวกไทยที่ได้ไปเมื่อครั้งตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อได้ความดังนี้ก็ไม่เป็นที่สงสัยต่อไปเชื่อได้เป็นแน่ว่า หนังสือเรื่องนี้เองเป็นต้นเดิมของหนังสือ ซึ่งเรียกกันว่า 'คำให้การขุนหลวงหาวัด' ฉบับที่ได้มาใหม่นี้ คือคัดจากฉบับหลวงของพม่า" ดังนั้น คำให้การชาวกรุงเก่าและคำให้การขุนหลวงหาวัด สันนิษฐานว่ามีที่มาจากแหล่งเดียวกัน ฉบับหนึ่งแปลจากภาษามอญ ฉบับหนึ่งแปลจากภาษาพม่า โดยเหตุที่มีสองสำนวนนี้ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงอธิบายว่า เมื่อพระเจ้าอังวะ (น่าจะเป็นพระเจ้ามังระ หรือเซงพยูเชง/Hsinbyushin, พ. 2306-19) มีรับสั่งให้ถามคำให้การของไทยที่ได้มาในคราวตีกรุงศรีอยุธยา พ. 2310 นั้น "บางทีจะเกิดลำบากด้วยเรื่องล่าม หากพม่าที่รู้ชำนาญภาษาไทยไม่ได้มีแต่มอญที่มาเกิดในเมืองไทยที่รู้ภาษาไทยชำนาญ จึงให้ถามคำให้การพวกไทย จดลงเป็นภาษามอญเสียชั้นหนึ่งก่อน แล้วจึงแปลเป็นภาษาพม่ารักษาไว้ในหอหลวง เห็นจะเป็นเพราะเหตุเช่นกล่าวมา หนังสือเรื่องคำให้การชาวกรุงเก่าจึงมีทั้งในภาษามอญและภาษาพม่า" สรุป ศ.
2426 นอกจากหมอสมิธแล้วยังมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ และนายกุหลาบ ก็ครอบครองต้นฉบับเดียวกันนี้เก็บไว้ด้วยเช่นกัน คนที่ลักลอบคัดลอก คือ นายกุหลาบ อ้างอิงจากคำอธิบายของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า "ถึง พ.
คำให้การชาวกรุงเก่า เป็นคำให้การของเชลยศึกชาวอยุธยาที่บอกเล่าเรื่องราวใน ประวัติศาสตร์ การเมืองไทย โดยเฉพาะช่วง อาณาจักรอยุธยา ตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักร จนกระทั่งเสียแก่ พม่า ใน พ. ศ. 2310 ประวัติ [ แก้] คำให้การขุนหลวงหาวัด เป็นเอกสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่สมัยพระเจ้าบุเรงนองตีกรุงศรีอยุธยาได้ในแผ่นดินสมเด็จพระมหินทราธิราช ยังมีเนื้อหาบรรยายภูมิสถานกรุงศรีอยุธยา ทำเนียบต่าง ๆ ตลอดจนราชประเพณี เชื่อกันว่าเป็นคำให้การของ พระเจ้าอุทุมพร ที่พระเจ้าอังวะโปรดให้สอบถามและจดไว้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพสันนิษฐานว่า เมื่อพม่าตีกรุงศรีอยุธยาได้ในปี พ. 2310 ได้พาชาวไทย ทั้งพระเจ้าอุทุมพร ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยและชาวเมืองไปยังพม่า พระเจ้าอังวะมีรับสั่งให้จดคำให้การของชาวไทยเป็นภาษามอญ แล้วแปลเป็นภาษาพม่าเก็บไว้ใน หอหลวง เมื่ออังกฤษตีเมืองมัณฑะเลย์ได้ จึงเก็บมาไว้ที่เมืองย่างกุ้ง คำให้การชาวกรุงเก่านี้ ได้ต้นฉบับมาจาก ประเทศพม่า เมื่อปี พ. 2454 เมื่อปี พ. 2454 ซึ่งเป็นช่วงที่พม่าตกเป็นเมืองขึ้นของ จักรวรรดิอังกฤษ โดยเชื่อว่าต้นฉบับดั้งเดิมเป็นคำให้การเป็น ภาษามอญ และได้แปลเป็น ภาษาพม่า อีกทอดหนึ่ง แล้วแปลเป็น ภาษาไทย เสร็จในปี พ.
ดร.
2310 แล้วให้การเป็นภาษาไทย แต่แปลเป็นภาษามอญและพม่า แล้วถ่ายกลับมาเป็นภาษาไทยอีกทีหนึ่ง เรื่องราวต่าง ๆ จึงเลอะเลือน "ใส่สีตีไข่" จนสับสนไปหมด... " [1] อ้างอิง [ แก้] ↑ สุจิตต์ วงษ์เทศ. ท้าวศรีสุดาจันทร์ "แม่หยัวเมือง" ใครว่าหล่อนชั่ว?. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์, 2557, หน้า 38-39 หนังสือ คำให้การชาวกรุงเก่า โดย สำนักพิมพ์จดหมายเหตุ (พ. 2544) ISBN 974-87895-7-8