เผยแพร่: 3 ก. ค. 2560 11:49 โดย: MGR Online สมองประกอบด้วยเซลล์ประสาท (neuron) จำนวนมากกว่าแสนล้านเซลล์ที่มีแขนงประสาท (neuronal processes) งอกออกมา ประสานกันเป็นร่างแหเพื่อใช้ในการติดต่อและส่งสัญญาณประสาทและทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายในแทบทุกส่วน ซึ่งในโลกปัจจุบันที่เราต้องใช้ชีวิตแทบ 24 ชั่วโมงส่งผลให้สมองเหนื่อยและล้าได้ วันนี้เราจึงหยิบนำ 3 สารยาวิเศษที่จะช่วยเสริมบำรุงและเพิ่มพูนศักยภาพสมองของเราให้คงประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลาเพื่อคนที่คุณรักและรักคุณ 1. โคลีนหรืออะซิทิลโคลีน (Acetylcholine) เป็นสารที่ทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ประสาท ช่วยในเรื่องของการควบคุมการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังมีบทบาทที่สำคัญอันเกี่ยวข้องกับการสร้างความจำ ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งสารอะซิทิลโคลีน พบได้มากในอาหารจำพวก ไข่แดง ถั่ว ข้าวไม่ขัดสี ปลา นม เนยแข็ง โดยเฉพาะผักใบเขียวอย่าง "กะหล่ำปลี" หรือ "บร็อคโคลี" โดยทั้งนี้ทั้งนั้นควรนำไปปรุงให้สุกเสียก่อนหรือหากชอบรับประทานแบบสดๆก็ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและรับประทานผักชนิดอื่นร่วมด้วย เพราะกะหล่ำปลีสดกับบร็อคโคลีมีสารกอยโตรเจนซึ่งส่งผลต่อการดูดซึมสารไอโอดีนในร่างกาย 2.
ภาวะอารมณ์เหงา เศร้า ซึม ชีวิตเหมือนไร้ซึ่งความสุข ทุกข์จนทำให้นอนไม่หลับ ฟังดูอาจเหมือนห้วงความรู้สึกหนึ่งที่ปกติและเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่หากอารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเรื้อรัง ยังทุกข์ยังเศร้าทั้งที่เหตุการณ์ที่เป็นต้นตอของอารมณ์ผ่านไปตั้งนานแล้ว นี่อาจไม่ใช่ความปกติอย่างที่คิด "การตรวจสารสื่อประสาท" จึงเป็นอีกวิธีที่จะช่วยค้นหาสาเหตุแบบเจาะลึก เพื่อนำไปสู่ทางแก้ไขที่แท้จริงได้ เปิดประตูทำความรู้จัก... สารสื่อประสาท คืออะไร?
สารสร้างสุข.. ด้วยตัวเอง วันนี้.. ดูเหมือนคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยมีความกังวลมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป แต่เชื่อว่ามีประเด็นของ.. ชั้นจะติดโควิดไหมหว่า?? เอ.. ตัวชั้นร้อนนะ... เป็นเรื่องความกังวลที่เหมือนๆ กันอย่างแน่นอน เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังคงกระจายเป็นวงการของไวรัสโควิด-19 ความสุขพร่องกันไปบ้างแล้วใช่ไหม?? ฉะนั้นเรามาเติมความสุขกันดีกว่าไหม.. หลายคนยังไม่มีความสุข... เพราะเรายัง "ไม่เข้าใจ" เกี่ยวกับสารสร้างสุขที่มีอยู่ในตัวของเราทุกคน... (เขาแชร์มาบอก ไม่ได้คิดได้เองหรอกนะ) เขาบอกว่า ความสุข ในสมองของมนุษย์ทุกคนมีสารสื่อประสาท (neurotransmitter) อยู่ 4 ชนิด ที่เมื่อหลั่งออกมาแล้วจะทำให้รู้สึก "มีความสุข" คือ 1. โดพามีน (dopamine) หลั่งเมื่อได้รับ 2. ออกซิโทซิน (oxytocin) หลั่งเมื่อได้ให้ 3. เซโรโทนิน (serotonin) หลั่งเมื่อใจสงบ 4. เอนดอร์ฟิน (endorphine) หลั่งเมื่อใจร่าเริง สารแห่งความสุขทั้ง 4 ตัวนี้ที่มีอยู่ในร่างกายจะทำงานร่วมกันเสมอ โดยอธิบายย่อดังนี้ 1. โดพามีน (สารสำเร็จ 'เมื่อได้รับ') จะพรั่งพรูมาก เมื่อเราได้รับในสิ่งที่ต้องการ 2. ออกซิโทซิน (สารสัมพันธ์ 'เมื่อได้ให้') จะพรั่งพรูออกมามากเมื่อเรามีความรัก ความเมตตา กรุณา จะทำให้เรารู้สึกสบายใจ ปลอดภัย และอบอุ่น 3.
ศ.
แคง บอกว่า เช่นเดียวกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน หากใครที่ครอบครัวมีประวัติการเสพติด ภาวะวิตกกังวล หรือซึมเศร้า คน ๆ นั้นก็ควรจะระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะเสี่ยงในการเสพติดในระดับที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าคนอื่น ดร. แคง บอกว่า วัยรุ่นเป็นกลุ่มคนที่เสี่ยงเป็นพิเศษและมีงานวิจัยมากพอที่จะชี้ให้เห็นว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเผชิญกับปัญหาในโลกออนไลน์มากกว่าคนอื่น ที่มาของภาพ, Getty Images ดิจิทัลดีท็อกซ์ จากข้อมูลโดย GlobalWebIndex ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 7 ใน 10 ในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาพยายามลดการใช้อินเทอร์เน็ต หรือไม่ก็ลองเลิกใช้อุปกรณ์ดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบไปเลย โดยวิธีเหล่านี้ได้แก่การปิดบัญชีโซเชียลมีเดีย หรือไม่ก็ลบแอปพลิเคชันเพื่อจำกัดเวลาที่ใช้บนโลกออนไลน์ ดร. แคง บอกว่า เราต้องคำนึงถึงความต้องการพื้นฐานของร่างกายด้วยเวลาใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี "เรายังต้องการนอน 8-9 ชั่วโมงในแต่ละคืน เราต้องขยับเขยื้อนร่างกาย 2-3 ชั่วโมงต่อวัน เราต้องยืดร่างกาย ต้องออกไปข้างนอก ไปรับแสงจากธรรมชาติ" เธอบอกว่า ถึงแม้คนเราจะใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างถูกวิธีที่สุด แต่หากนั่นส่งผลเสียต่อกิจกรรมอื่น ๆ ที่มนุษย์ควรทำ นั่นก็หมายความว่าคุณกำลังใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีมากเกินไป
แคง บอกว่า ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่ดีต่อสุขภาพต้องทำให้สมองหลั่งสารเซโรโทนิน เอนดอร์ฟิน และออกซิโทซิน โดยตัวอย่างของแอปพลิเคชันที่ทำให้หลั่งสารเหล่านี้ได้แก่ แอปพลิเคชันเพื่อการทำสมาธิ แอปพลิเคชันเพื่อความคิดสร้างสรรค์ และแอปพลิเคชันที่ทำให้เราได้เชื่อมต่อกับคนอื่นได้จริง ๆ แต่หากผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีทำให้หลั่งสารโดพามีนมากไปก็อาจทำให้เรากลายเป็นเสพติดได้ "ลองสมมติว่ามีแอปพลิเคชันหนึ่งช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์ และลูกคุณชอบใช้แอปพลิเคชันนี้ทำหนัง แต่กลายเป็นว่าลูกคุณใช้เวลาถึง 6-7 ชั่วโมงต่อวันในการเล่นแอปพลิเคชันนี้" ดร. แคง กล่าว ดร. แคง บอกว่า ที่ยกตัวอย่างมาไม่ใช่ "เทคโนโลยีขยะ" อย่าง Candy Crush ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้หลั่งสารโดพามีนอย่างเดียว แต่ก็ควรจะระมัดระวังและจำกัดเวลาเล่นด้วย ในขณะเดียวกัน ดร. แคง บอกว่า มีผลิตภัณฑ์บางประเภทที่เป็น "เทคโนโลยีขยะ" เท่านั้น ซึ่งเราใช้มันเพื่อ "ทำร้ายตัวเอง" เหมือนกับเวลาที่เรากินอาหารขยะเมื่อรู้สึกเครียด โดยเธอบอกว่า เราอาจจะกินได้บ้างในบางครั้งบางคราว เช่นเดียวกัน เราก็อาจจะเล่นอินสตาแกรม หรือเล่นวิดีโอเกม ได้บ้างอย่างพอสมพอควร แต่ ดร.
ดร.
วินัย ดะห์ลัน