หากต้องการให้ iPhone ใช้งานได้อย่างยาวนานหลายๆ ปี เราก็ควรจำเป็นจะต้องดูแลอุปกรณ์เหล่านี้ให้ถูกวิธี การเอาใจใส่และดูแลด้วยพื้นฐานง่าย ๆ และสิ่งที่ควรจะหลีกเลี่ยงนั้น พอจะสรุปได้ 12 หัวข้อต่าง ๆ ดังนี้ครับ 12 สิ่งที่ไม่ควรทำกับ iPhone ของคุณ ดูแลแบบนี้ช่วยถนอมเครื่องได้เยอะเลย 1. ไม่ใส่รหัสผ่าน Passcode หรือใส่ที่คาดเดาง่ายจนเกินไป บางคนคิดว่าการไม่ตั้งระหัสผ่านให้ iPhone ก็ไม่เป็นจะเป็นไรนี่ แต่รู้หรือไม่ว่าในเครื่อง iPhone รวมถึง iPad นั้นมีข้อมูลสำคัญต่าง ๆ เช่น รูปภาพ, ข้อมูลอีเมล, ข้อมูล LINE, Facebook ฯลฯ และก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับบัญชี Apple ID ของเราเอาไว้ด้วยอีก ยกตัวอย่างอีกอย่างคือข้อมูล Username และ Password ของบัญชีต่าง ๆ ที่เราได้บันทึกไว้บน iCloud Keychain ซึ่งการที่ผู้ไม่หวังดีเข้ามาดูเครื่องโดยไม่ได้รับอนุญาต แน่นอนว่าข้อมูลสำคัญเหล่านั้นก็จะตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดีอย่างแน่นอน ทีนี้ก็ถามตัวคุณกลับไปว่า "ต้องการให้เป็นแบบนี้จริงหรือ? " การแก้ไข ตั้งรหัสผ่านของตัวเครื่อง 4-6 ตัว และไม่ควรบอกใครถ้าไม่จำเป็น งดการตั้งรหัสผ่านสิ้นคิด เช่น 0000, 1111, 1234 เป็นต้น 2. สอดกระดาษเข้าใต้จอ เห็นในโซเชียลโพสต์ภาพกันเยอะมาก เข้าใจว่าต้องการทดสอบว่าหน้าจอกับตัวเครื่องนั้นมีช่องว่างหรือเปล่า กลัวน้ำเข้าไปในเครื่องทำนองนั้น แต่ทราบหรือไม่กว่า ยิ่งพยายามสอดเท่าไหร่ยิ่งไปการเร่งทำลายซีลกันน้ำของตัวเครื่องให้พังเร็วมากขึ้นเท่านั้น เครื่องที่ดี ๆ อยู่ ไปบังคับสอดเสียบก็ทำให้พัง เครื่องที่เป็นมีอาการจะพังก็ยิ่งไปเร่งให้มันพังเร็วขึ้นไปอีก ถ้าสอดเข้าไปแล้วทำให้ซีลกันน้ำเสียหายส่วนนี้จะไม่อยู่ในการรับประกันจากทาง Apple ถ้าคิดว่าเครื่องมีช่องว่างระหว่างจอตั้งแต่ตอนต้นที่เช็คเครื่องก็ควรจะขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ ณ จุดซื้อเลย 3.
ขอนแก่น ผู้ก่อตั้ง ตั้งแต่ปี 2009 อดีต Dell Technical Support รู้จัก Apple เพราะ Macbook Pro และใช้ iPhone ตั้งแต่รุ่น 3G จนถึงปัจจุบัน
ใช้แบตเตอรี่จนหมดเกลี้ยง แบตเตอรี่ของ iPhone รวมถึง iPad นั้น การเสื่อมอายุช้าหรือเร็วจะขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลัก ยิ่งถ้าแบตเตอรี่ถูกใช้งานบ่อยแล้วก็ชาร์จเข้าจนครบรอบเร็วก็จะทำให้แบตเตอรี่นั้นเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น การที่ใช้แบตเตอรี่จนเกือบหมดหรือถึงขั้นหมดแล้วค่อยชาร์จนั้นส่งผลไปยังสารเคมีในแบตเตอรี่โดยตรง ทำให้แบตเตอรี่นั้นเก็บประจุไฟได้น้อยลงเรื่อยๆ การชาร์จที่เหมาะสมแนะนำว่าให้อยู่ระดับ 40% ก็ควรจะชาร์จะได้แล้ว 4. นำ iPhone เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำด้วย หลายคนชอบฟังเพลงหรือร้องเพลงคลอไปด้วยตอนอาบน้ำโดยที่นำ iPhone, iPad เข้าไปเปิดฟังด้วย รู้หรือไม่ว่าความชื้นจากน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนอาบน้ำอุ่น มีโอกาสที่จะลอยเข้าไปยังพอร์ตของเครื่อง แน่นอนว่าความชื้นกับแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกกัน อาการเสียที่พบเจอบ่อย ๆ จากเคสนี้คือ เครื่องรวน ชาร์จไม่เข้า ลำโพงเสียหรือเซนเซอร์ส่วนต่าง ๆ ใช้งานไม่ได้ ดังนั้น ควรเลี่ยงการนำ iPhone, iPad เข้าไปอาบน้ำด้วย หากอยากฟังเพลงไปด้วยแนะนำหาซื้อลำโพงไร้สายเล็ก ๆ ที่กันน้ำได้ไปใช้งานแทนดีกว่านะ 5. วางไว้ตากแดดที่แผงหน้ารถยนต์ ความร้อนเป็นส่วนที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของหน่วยประมวลผลและระบบส่วนรวม จะสังเกตว่าหากใช้งานกลางแจ้งโดนแดดเป็นเวลานาน iPhone จะร้อนจนมีการแจ้งเตือนให้พักเครื่องโดยทำให้เครื่องเย็นลงก่อน ความร้อนเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อระบบแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การวาง iPhone ไว้ที่แผงหน้ารถนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งด้วยเหตุผลที่กล่าวไว้ข้างต้น 6.
ฟิล์มหน้าจอด้วยนะ เปลี่ยนบ้างก็ดีที่แตก ๆ หรือพังแล้ว แค่เปลี่ยนพิมพ์อันเดียวมันจะเหมือนคุณได้เครื่องใหม่ทันที ไม่เชื่อลองดูนะ 11.
ใช้สายชาร์จและอะแดปเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน สายชาร์จปลอม ราคาถูก ๆ ก็ชาร์จไฟเข้าเครื่องได้นี่นา แล้วทำไมต้องซื้อของแท้มาใช้งานด้วย? บางคนอาจจะมีความคิดเช่นนี้ แต่ทราบหรือว่าไม่ว่า วัสดุที่นำมาผลิตนั้นหากไม่ได้มาตรฐานนั้นจะส่งผลแต่การจ่ายกระแสไฟระหว่างการชาร์จ มีโอกาสที่จะชาร์จไม่เข้าบ้าง, ชาร์จช้า, กระแสไฟไหลไม่สม่ำเสมอส่งผลให้ชิปในแผงวงจรเกิดความเสียหายหรือร้ายแรงสุดแอปเตอร์ระเบิด สายไหม้หรือส่งผลต่อ iPhone ระเบิดก็อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน เลือกเอาไว้ iPhone, iPad เครื่องนึงราคาไม่ใช่ถูก ๆ จะยอมให้เครื่องเสียเพราะสายชาร์จปลอมอะแดปเตอร์ปลอมราคาไม่กี่บาทนี่มันคุ้มกันแล้วหรือ? 7. โดนน้ำ แช่น้ำ ลุยน้ำ โดยไม่จำเป็น แม้ iPhone 7 และใหม่กว่าสามารถกันน้ำได้แต่มันก็เพียงแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น การโดนน้ำบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ไร แต่หากใครที่ชอบน้ำ iPhone ไปจุ่มน้ำและแช่น้ำบ่อย ๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะซีลกันน้ำยิ่งนานวันไปก็มีโอกาสเสื่อมสภาพลง ซึ่งเราไม่สามารถทราบได้ว่ามันเสื่อมไปเมื่อไหร่และตอนไหน วันดีคืนดีซีลกันน้ำเสื่อมแล้วดันนำเครื่องไปแช่น้ำเล่นพอดีเครื่องเกิดพังขึ้นมาส่วนนี้ไม่อยู่ในการรับประกันนะ คำแนะนำ หากโดนน้ำเมื่อยามจำเป็น เช่น ฝนตกใส่, เครื่องหลุดมือตกลงในอ่าง ฯลฯ ให้รีบน้ำขึ้นจากน้ำแล้วสบัดน้ำออกและทำให้แห้งโดยเร็วที่สุด 8.
แกะเปลี่ยนอุปกรณ์ด้วยตนเองหรือร้านนอกโดยเฉพาะแบตเตอรี่ เคยแจ้งไปแล้วว่าเรื่องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ Apple นั้นส่งผลให้เครื่องนั้นหมดประกันและทาง Apple จะไม่ให้การบริการด้านฮา์ดแวร์ทันทีเนื่องด้วยเหตุผลในด้านความปลอดภัย ดังนั้นหากรู้สึกว่าเครื่องมีปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่ แนวทางที่ดีที่สุดคือนำเข้าศูนย์ Apple และ AASP ได้ทุกแห่งทั่วประเทศไทย 9.
ที่แปลว่า "ขอ...... หน่อยค่ะ/ครับ" (คลิกเพื่ออ่านเพิมเติม) ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้กับการพูดในร้านอาหาร ในบางครั้งอาจจะตัดคำว่า "이" ออก ขึ้นอยู่กับตัวลงท้ายของคำหน้าประโยค มาดูตัวอย่างประโยคแบบเต็มๆ เพื่อเพิ่มความเข้าใจกันค่ะ ขอสั่งบุฟเฟ่ต์2คนค่ะ --> 부페 두명이요. อเมริกาโน่1แก้วครับ --> 아메리카노 한잔이요. (잔 --> เป็นหน่วยของแก้ว) "(............ ) 너무 맛있어요. " --> "(......... ) อร่อยมาก" คำศัพท์สองคำนี้ "너무" และ "맛있다. " เป็นคำที่ค่อนข้างสุภาพ คำว่า "너무" แปลว่า "มาก". ในภาษาเกาหลีมีหลายคำศัพท์ที่มีความหมายคล้ายๆคำว่า "너무" อย่างเช่น "매우", "아주", "되게", "진짜", ฯลฯ คำว่า "맛있다. " แปลว่า "อร่อย". ทุกคนคงจะเคยได้ยินและรู้จักคำนี้กันดีอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องรู้เกี่ยวกับประโยคนี้คือการประโยคที่สุภาพ ในทุกประเทศส่วนใหญ่แล้วจะเคารพนับถือผู้ที่มีอายุเยอะกว่ากันอยู่แล้วใช่มั้ยคะ แต่มีบางประเทศที่จะมีการแบ่งลำดับความสุภาพของการใช้ประโยค เราจะยกตัวอย่างการพูดประโยคแบบสุภาพที่ใช้บ่อยให้ดูก่อนนะคะ เริ่มที่ "........ 요. " คำกริยาเกาหลีทั้งหมดจะลงท้ายด้วย "다" อย่างเช่น "맛있다", "하다", "먹다", "가다", "자다". แต่การใช้คำกริยาเกาหลีในแบบสุภาพ จะเปลี่ยนเป็นลงท้ายด้วย "요" ดังนี้ 맛있어요, 해요, 먹어요, 가요, 자요, ฯลฯ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ เราจะสอนเพิ่มเติมให้ลึกลงไปในครั้งหน้านะคะ (...... )만 --> แค่/เท่านั้น (....... ) ทุกคนคงรู้ประโยคนี้กันแล้ว "(........ )더 주세요. "