เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน นอกจากกาแฟแล้ว เครื่องดื่มอย่างโกโก้ ช็อกโกแลต เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเหล่านี้ก็มีคาเฟอีนอยู่เช่นกัน ดังนั้นอย่ากินยาขยายหลอดลมคู่กับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทุกชนิดจะดีกว่า เพราะอาจส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะได้ 4. น้ำอัดลม น้ำอัดลมมีทั้งกรดและคาเฟอีน ดังนั้นเราจึงไม่ควรกินยากับน้ำอัดลม โดยเฉพาะยาขยายหลอดลม ที่คาเฟอีนในน้ำอัดลมจะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ รวมไปถึงคนที่เป็นโรคกระเพาะ การกินยาลดกรดกับน้ำอัดลมอาจทำให้ตัวยาไม่สามารถลดกรดในกระเพาะอาหารได้ เนื่องจากในกระเพาะอาหารมีกรดจากน้ำอัดลมมาให้ยาจัดการจนหมดฤทธิ์ยาไปซะก่อน ส่งผลให้กระเพาะอาหารไม่ได้รับยาลดกรดไปช่วยเคลือบกระเพาะนั่นเอง หรือหากใครทานยาที่มีผลในการกระตุ้นประสาทอยู่แล้ว การทานยาพร้อมน้ำอัดลมผสมคาเฟอีน จะยิ่งทำให้การดูดซึมและระยะเวลาที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ช้าลง มีผลให้ฤทธิ์ของยาลดลง และอาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์และผลข้างเคียงของยามากขึ้น 5. น้ำผลไม้ น้ำผลไม้ที่เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ก็ไม่ควรกินคู่กับยานะคะ โดยเฉพาะน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อย่างน้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำมะเขือเทศ หรือน้ำผลไม้รสเปรี้ยวชนิดอื่น ๆ ไม่ควรกินคู่กับยาลดกรดเด็ดขาด เนื่องจากคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารที่ต้องกินยาลดกรด จะมีภาวะร่างกายหลั่งกรดเกินปกติอยู่แล้ว ดังนั้นหากดื่มน้ำผลไม้ที่มีกรดเพิ่มไปอีก ตัวยาเคลือบกระเพาะอาหารหรือยาลดกรดอาจต้านทานไม่ไหว หรือออกฤทธิ์ลดกรดได้แต่ในส่วนของน้ำผลไม้มีกรดที่เราดื่มเข้าไป กลายเป็นว่ากระเพาะอาหารต้องเผชิญกับกรดโดยลำพังอย่างไร้ซึ่งผู้ช่วยใด ๆ 6.
2 – 4. 5% Light Style: นอกจากมีแอลกอฮอล์ต่ำกว่าแล้วยังมีแคลอรีและคาร์โบไฮเดรตน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในระหว่างควบคุมน้ำหนัก แต่ราคาค่อนข้างสูงกว่า Malt Liquor Style: มีแอลกอฮอล์สูงกว่า Pilsner เล็กน้อย คืออยู่ที่ 5.
0 เป็นประเทศที่สองรองจากสิงคโปร์ ตอบโจทย์กระแสรักสุขภาพ สำหรับผู้บริโภคกำลังหาสิ่งที่เรียกว่า Healthy Balance Lifestyle แต่รู้หรือไม่ จริง ๆ Heineken 0. 0 ไม่ใช่เบียร์!! Heineken 0. 0 เป็นเครื่องดื่มมอลต์ที่ไม่มีแอลกอฮอลล์ หรือ 'มอลต์ดริ้งค์' ไร้แอลกอฮอล์ ไร้น้ำตาล เพื่อเพิ่มโอกาสในการบริโภคจากหลากหลายกลุ่มมากขึ้น และสามารถรับประทานได้ทุกเวลา เพราะดื่มแล้วไม่เมา เรียกได้ว่า Anytime เลยทีเดียว ถือเป็นนวัตกรรมการดื่มแนวใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันในตลาดเครื่องดื่มด้วยแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมียี่ห้ออื่นด้วยอย่าง บาวาเรีย หรือ บาวาเรีย 0.
ประเทศไทยนั้นมีเบียร์ "ที่มีแอลกอฮอล์น้อย" วางจำหน่ายมากนานพอสมควรแล้ว(มีแอลกอฮอล์ 1. 2%) ซึ่งจะใช้คำว่า Light beer ข้างกระป๋องหรือขวด ที่มีกระบวนการผลิตแบบ เอลเบียร์ (Ale Beer) มีสีเหลืองเข้ม ส่วนเบียร์ "ไร้แอลกอฮอล์"นั้น ในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมัน สเปน มีการผลิตกันมานานแล้ว เนื่องจากตามในประเทศฝั่งยุโรปและอเมริกา จะจัดกลุ่มเบียร์ที่เป็น Non-Alcoholic คือต้องมีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 0. 05% นั่นแปลว่า จริงๆก็มีแอลกอฮอล์แหละ แต่จัดอยู่ในปริมาณน้อยมากๆ เมื่อดื่มแล้วทำให้เกิดอาการมึนเมาน้อยกว่าปกติหรือไม่มึนเมาเลย โดยส่วนใหญ่จะเป็น ลาเกอร์เบียร์ (Lager Beer) สีเหลืองอ่อน แต่รสชาติจะด้อยกว่าเบียร์ปกติ หวานกว่า และมีระยะเวลาการเก็บที่น้อยลง (ตัวอย่างเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ไร้ญี่ปุ่น รูปจาก) แอลกอฮอล์หายไปไหน? ด้วยขั้นตอนกรรมวิธีการผลิตที่ดึงแอลกอฮอล์ออกมาจึงทำให้เสียรสชาติ มีกรรมวิธีการผลิต 3 แบบ ดังนี้ 1. สกัดแอลกอฮอล์ออกจากเบียร์โดยใช้สารสกัด 2. หมักเบียร์ด้วยอุณหภูมิต่ำเป็นเวลานาน ทำให้เกิดแอลกฮอล์น้อยลง รสชาติเปลี่ยน 3. หมักด้วยไบโอรีแอคเตอร์ หยุดยั้งเซลล์ของยีสต์ไม่ให้สร้างแอลกอฮอล์ เบียร์ 0% ที่เพิ่งเปิดตัวในไทย ในช่วง 14-16 มีนาคม นี้ที่ผ่านมา Heneken เปิดตัว Heineken 0.
โพสท์โดย: LTmonstergaga แหล่งที่มา: (URL แบบเต็ม)